Paracetamol หรือ Acetaminophen (อะเซตามิโนเฟน)
ประเภท ยาแก้ปวด ลดไข้ เป็นยาชนิดไม่เสพติดที่นิยมใช่อย่างแพร่หลาย เพราะมีฤทธิ์ข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารน้อยกว่ายาในกลุ่ม NSAIDs และ Aspirin ให้ผลระงับปวดได้ดี
รูปแบบ
1. ยาเม็ด ขนาด 325/500 mg
2. ยาน้ำเชื่อม 120mg/2ml 3. ยาฉีด 300mg/2ml
ขนาดและวิธีใช้
1. ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด (500 mg) ทุก 4-6 ชั่วโมง สูงสุดไม่เกิน 4 gm/วัน
2. เด็ก รับประทานครั้งละ 10-15 mg/kg 4-6 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้
1. ใช้ระงับอาการปวดที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะ ปวดหู ปวดฟัน ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน และใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ Aspirin หรือใช้Aspirin ไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาการอักเสบ ผู้ที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด และผู้ที่ปัญหาเลือดออกนานผิดปกติ
2. ลดไข้จากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส หรือมีภาวะอักเสบ(inflammation)
3.บรรเทาอาการปวดให้ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม โรคเกาต์
การออกฤทธิ์ เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพสอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ในระบบประสาทส่วนกลางได้ดี ซึ่งสารพสอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) เป็นตัวทำให้เกิดความเจ็บปวด และทำให้เกิดไข้ ทำให้มีฤทธิ์ลดอาการปวดและลดไข้ แต่มีฤทธิ์อ่อนมากในการต้านการอักเสบ ทำให้ไม่เกิดแผลในทางเดินอาหารและไม่มีผลต่อการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ยาจะออกฤทธิ์สูงสุดในเวลา 30-60 นาทีหลังได้รับยา ยาจะมีพิษต่อตับและไตหากได้รับเกินขนาดจึงไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 10 วันในผู้ใหญ่ หรือ 5 วันในเด็ก ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังใรผู้ป่วยโรคตับและไต
ผลข้างเคียง อาการพิษเริ่นต้น ภายใน 24 ชั่วโมง โดยอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ท้องเดิน ยานี้ในขนาดและวิธีใช้รักษาจะไม่มีอาการข้างเคียงหรืออาการแพ้รุนแรง ผู้ที่แพ้ยาอาจจะมีอาการผื่นขึ้นตามผิวหนัง อาการลมพิษและคัน อาจเกิดอาการในระบบเลือดซึ่งพบได้น้อย เช่น ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำและเกร็ดเลือดต่ำ หากใช้ยาเกินขนาดอาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตเนื่องจากตับถูกทำลาย มีผลทำลายไตและให้ให้เกิดอาการโคม่าเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ อาการพิษต่อตับจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาเกิดขนาดในครั้งเดียว 10-15 gm แต่ถ้าหากได้รับ 20-25 gm หรือมากกว่าอาจทำให้เสียชีวิต
การพยาบาล การพยาบาลและให้แนะนำ
1. ควรดื่มน้ำ เครื่องดื่ม หรือรับประทานอาหารเหลวบ่อยๆ เพื่อช่วยลดความร้อน ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดหลังรับประทานยา
2. ไม่ควรซื้อยารับประทานเองและไม่ใช้ยาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้รับประทานยาเกินขนาด เกิดพิษและอาการข้างเคียง
3. ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับและผู้ที่ติดแอลกฮอล์ แอลกอฮอร์จะเสริมฤทธิ์ในการทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ ในรายที่ได้รับยาเกินขนาด
4. หากผู้ป่วยได้รับยาเกินขนาด ควรได้รับการรักษาโดยการรักษาล้างท้อง และได้รับยา N-acetylcysteine ซึ่งได้ผลดีภายใน 10 ชั่วโมงหลังได้รับยาเกินขนาด
5. หากมีอาการแพ้ยาควรหยุดยาทันที
6. ยาน้ำเชื่อม ไม่ต้องแช่ตู้เย็น ถ้าแช่จะตกตะกอน
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561
Paracetamol
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)