Ibuprofen
ประเภท ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
รูปแบบ ยาเม็ด 200 mg, 400 mg และยาน้ำเชื่อม 100mg/ช้อนชา (5ml) ขนาดขวด 60ml
ขนาดและวิธีใช้
1. ใช้บรรเทาปวดทั่วไป ปวดประจำเดือน ปวดไมเกรน ลดไข้
ผู้ใหญ่ ทานตรั้งละ 200-400 mg ให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกิน 1200 mg/วัน)
เด็กอายุ 6 เดือน - 12 ปี ทานตรั้งละ 4-10 mg ให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกิน 40 mg/วัน)
2. ใช้บรรเทาอาการข้ออักเสบ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
ผู้ใหญ่ ทานตรั้งละ 400-800 mg ให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกิน 3.2 gm/วัน)
เด็ก ทานตรั้งละ 30-50 mg ให้ซ้ำได้ทุก 8 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกิน 2.4 gm/วัน)
3. เกาต์ (ระยะที่มีข้ออักเสบเฉียบพลัน)
ผู้ใหญ่ ทานตรั้งละ 800 mg ให้ซ้ำได้ทุก 8 ชั่วโมงจนกว่าอาการจะทุเลา
ข้อบ่งใช้
1. บรรเทาอาการข้ออักเสบต่างๆ เช่น โรคปวดรูมาตอยด์ ข้อเสื่อมชนิดรุนแรง ข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง เกาต์ระยะเฉียบพลัน
2. ลดไข้ ไขเหวัด
3. บรรเทาอาการปวดจากการถอนฟัน ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ หลังผ่าตัด หลังคลอดบุตร และปวดประจำเดือน
การออกฤทธิ์
- เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพสอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ โดบจะลดการทำงานของเอ็นไซม์ ไซคลอกซีจีเนส (cycloxygenase) ซึ่งสำคัญในการเปลี่ยน arachidonic acid ให้เป็นProstaglandins
- ยั้บยั้งเอนไซม์ COX1 และ COX2 (cycloxygenase) เป็นอนุพันธ์ของของ Propionic acid มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดีพอๆ กับแอสไพริน ในขนาดต่ำๆ ใช้บรรเทาอาการปวดและอักเสบในโรคข้อ ลดไข้ ใช้แก้ปวดประจำเดือน
ผลข้างเคียง
- ที่พบบ่อย คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ ร้อนในอก ปวดแสบยอดอก แน่นท้อง แต่อาการเหล่านี้จะเกิดได้น้อย กว่าที่เกิดจาก aspirin อาการอื่นๆที่พบบ้าง ได้แก่ ภาวะเกล็ดต่ำ มีผื่น ปวดศรีษะ ความดันโลหิตสูง รู้สึกหมุน ตาพร่า และอาจเกิดการมองเห็นภาพมัวๆ มีอาการคั่งน้ำ และบวม สับสน ซึม
- ระคายระบบทางเดินอาหาร แต่เกิดน้อยกว่าaspirin เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง แน่นท้อง เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ อาจมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร ปวดศรีษะ ในผู้สูงอายุพบว่า ทำให้เกิดความจำเสื่อม ขาดสมาธิ สับสน นอนไม่หลับ อาจพบได้บ้าง เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ผื่นขึ้น การมองไม่ชัด มีอาการน้ำคั่งและบวม เป็นต้น หากมีความผิดปกติเกี่ยวกับการเห็นภาพขึ้นให้หยุดยาทันที ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร
ข้อควรระวัง ควรหลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ ใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยโรคไต โรคตับ โรคหอบหืด ผู้มีประวัติ เป็นแผลหรือเลือดออกที่กระเพาะอาหารหรือปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับแผลกระเพาะอาหาร เช่น แอลกอฮอล์และบุหรี่
คำแนะนำ
1. ควรรับประทานอาหารยานี้หลังอาหารทันที เพื่อป้องกันการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
2. การให้ยาเพื่อลดไข้ ไม่ควรใช้เกิน 3 วัน หากใช้แก้ปวด ไม่ควรใช้เกิน 10 วัน
3. ผู้มีปัญหาข้ออักเสบ ควรรับประทานบาอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ระดับยาในนกระแสเลือดคงที่
4. ไม่ควรรับประทานยาต้านอักเสบชนิดอื่น หรือaspirin ขณะรับประทานยานี้
5. ยาน้ำเชื่อม ไม่ต้องแช่ตู้เย็น ถ้าแช่จะตะกอน
การพยาบาล
1. ควรให้ยาพร้อมกับอาหารหรือหลังอาหารทันที หรือพร้อมนมในเวลาก่อนนอน เพื่อลดอาการทางกระเพาะอาหาร
2. สังเกตอาการปวด แน่นท้อง ลักษณะอุจจราระ เพื่อประเมินการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
3. สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ประเมินผลของการใช้ยาเป็นระยะๆ สังเกตความสามารถใรการมองเห็นของผู้ป่วย หากพบควรรายงานแพทย์เพื่อหยุดยา
4. ช่วยบรรเทาความสุขสบายจากอาการต่างๆ
5. ดูแลให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับยาออกจากร่างกาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น