Morphine
ประเภท ยาระงับปวดชนิดเสพติด สกัดได้จากฝิ่นตามรรมชาติ มีประสิทธิภาพสูงสุดในการระงับอาการปวด
ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการปวดระดับกลางถึงรุนแรง อาการปวดรุนแรง กลัามเนื้อหัวใจตาย ใช้ก่อน
ผ่ตัดเพื่อลดขนาดยาสลบ ควบคุมอาการหลังผ่าตัด บรรเทาความวิตกกังวล ลดอาการเหนื่อย
เนื่องจาก Acute left ventricular failure และ Pulmonary edema ใช้เป็นยาสลบเพื่อ
ผ่าตัด Open-heart ระงับปวดจากโรคมะเร็ง
การออกฤทธิ์ กระตุ้น Opioid recepto ได้ดี ในไขสันหลังและที่สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด ทำให้การนำความรู้สึกและการแปลผลกี่ยวกับความเจ็บปวดลดลง
ผลข้างเคียง ที่สำคัญ คือ กดการหายใจ คลื่นไส้ อเจี่ยน ความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น เวียนศีรษะท้องผูก ม่านตาเล็กลง ปัสสาวะไม่ออกอาการพิษจะเกิดจากการใช้ยาเกินขนาด เช่น ไม่รู้สึก
ตัว ม่านตาเท่ารูเข็ม หายใจช้ามาก ในที่สุดเป็น Cheyne-Siokes เกิดอาการตัวเขียว ผิวหนัง
เย็น ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ เป็นต้น บางรายมีอาการติดยาเมื่อใช้ยาทุกวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ คือ เมื่อติดยาแล้วหยุดยาจะทำให้เกิดอาการผิดปกติ เรียกว่า อาการลงแดง มีอาการเหงื่อแตก น้ำตาไหล ความดันโลหิตสูง ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน หงุดหงิด กังวล
การพยาบาล
1. การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ควรฉีดช้าๆ ให้ช่วงเวลาฉีดแต่ละครั้งมากกว่า 5 นาที
และต้องสังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
2. สังเกตและตรวจสอบสัญญาณชีพก่อนและหลังให้ยา ถ้าพบอัตราการหายใจ 12 ครั้งต่อนาที ควรรายงนแพทย์ทราบเพื่อพิจารณางดยา
3 บันทึกปริมาณน้ำเข้าและน้ำออก เพื่อดูการทำงานของไต
4. สังเกตอาการข้างเคียงของยา อาการติดยา ถ้ายาระคายเคืองกระเพาะอาหาร ให้รับประทานยาร่วมกับนมหรืออาหาร หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและยากดประสาท
5. สังเกตระดับความสึตัว ภาวะทางจิตใจในผู้ที่ได้รับยานานๆ
6 แนะนำผู้ปวยไเปลี่ยนอิริยบถอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันความตันโลหิตลดต่ำ
7. แนะนำผู้ป้วยให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล
สอนให้ผู้ป้วยหายใจเข้ลึกๆ และเปลี่ยนอิริยบถเก่ที่จำเป็น เพื่อให้หายเจ็บปวดเร็วขึ้น
8. เตรียมออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจให้พร้อม
9. จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เพื่อให้ผู้ป้วยบรรเทาความเจ็บปวด
10. ลดความวิตกกังวลของผู้ป้วย
1) 1-15/9/63
2) clindamycin 600 mg v q 8 hr
ประเภท ยาระงับปวด (Analgesic)
รูปแบบ ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ขนาด 600 mg
ขนาดและวิธีใช้
ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ขนาด 600 mg ทุก 8 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้
เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย มักใช้รักษาสิวอักเสบ ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อในข้อต่อกระดูก ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก ช่องท้อง หรือรักษาแบคทีเรียในช่องคลอด เป็นต้น อาจใช้เป็นยารักษาเพียงอย่างเดียว ใช้ควบคู่กับยาปฏิชีวนะตัวอื่น หรือใช้เมื่อใช้ยาตัวอื่นแล้วไม่ได้ผล
การออกฤทธิ์ ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงบางชนิด ยานี้เป็นหนึ่งในยาปฏิชีวนะกลุ่ม lincosamide หรือ lincomycin ออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย
ผลข้างเคียง ผู้ป่วยอาจเกิดอาการจากการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น หายใจติดขัด หน้าบวม หรืออาจเกิดผลข้างเคียงจากตัวยาได้ ควรหยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบตัวอย่างอาการเหล่านี้
ตัวเหลืองตาเหลือง
อาเจียน ปวดท้องมากหรือท้องเสีย
อาการแสดงของภาวะความดันโลหิตต่ำ ตั้งแต่มึนหัวจนถึงเป็นลมหมดสติ
อาการปวดหรือมีปัญหาในการกลืน เช่นปวดบริเวณด้านหลังของกระดูกหน้าอก อาการแสบร้อนกลางหน้าอกหรือกรดไหลย้อน
หลอดเลือดดำเกิดการระคายเคือง (หากได้รับยาในรูปแบบให้ทางหลอดเลือดดำ)
ไข้หรือปวดตามตัว
มีตุ่มหรือมีอาการบวมตามริมฝีปาก ปาก ตา หู จมูก หรือบริเวณอวัยวะเพศ
อาการแสดงของภาวะเลือดออกผิดปกติซึ่งเกิดจากการมีเกล็ดเลือดต่ำเช่นช้ำง่าย มีเลือดออกที่เหงือกเวลาแปรงฟัน
มีระดับเม็ดเลือดขาวบางชนิดสูงหรือต่ำเกินไปจนผิดปกติ (eosinophil และ granulocytes)
บางกรณีอาจมีอาการหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงได้แต่พบได้น้อย ภาวะเช่นนี้เป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต ควรหยุดยาทันที
การพยาบาล การพยาบาลและให้แนะนำ
1. ระมัดระวังเกี่ยวกับผลข้างเคียงทีรุนแรงคืออาการท้องเสียจากการติดเชื้อ โดยยานี้จะทำให้สมดุลของจุลชีพในลำไส้ผิดปกติ ทำให้เกิดการอักเสบ ท้องเสีย และเกิดการทำลายลำไส้ตามมา
2. ไม่ควรซื้อยารับประทานเองและไม่ใช้ยาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้รับประทานยาเกินขนาด เกิดพิษและอาการข้างเคียง
3. ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้ตระกูลส้มและน้ำผลไม้เหล่านี้ระหว่างที่รับประทานยา Clindamycin เนื่องจากน้ำผลไม้นี้จะลดความสามารถของร่างกายในการสลายยา ทำให้ระดับของยาในเลือดนั้นอาจสูงจนเป็นอันตรายได้
4. ไม่แนะนำให้รับประทาน Clindamycin ขณะกำลังให้นมบุตร ต้องแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยานี้หากกำลังอยู่ในระหว่างให้หรือวางแผนที่จะให้นมบุตร
5. หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากกำลังจะถึงมื้อยาถัดไปให้ข้ามมื้อที่ลืมนั้นไปและรับประทานยามื้อใหม่ตามปกติ ห้ามรับประทานยา 2 มื้อรวมกันในเวลาเดียว
1) 1-15/9/63
2) Tramadol (50) 1x2 O pc
ประเภท ยาระงับปวด (Analgesic)
รูปแบบ
ยาเม็ด ขนาด 50 mg
ขนาดและวิธีใช้
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด (50 mg) 2 เวลาหลังอาหาร เช้า-เย็น
ข้อบ่งใช้
ยาบรรเทาอาการปวดออกฤทธิ์ที่ประสาทส่วนกลาง ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
การออกฤทธิ์ เป็นยาในกลุ่มโอพิออยด์ (opioids) ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน ใช้ระงับอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรงเช่นเดียวกับมอร์ฟีน (morphine) โดยออกฤทธิ์กระตุ้นที่มิว รีเซปเตอร์ แต่เนื่องจากยาชนิดนี้ระงับอาการปวดได้น้อยกว่ามอร์ฟีน 5-20 เท่า จึงทำให้ยาชนิดนี้ไม่จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษ นอกจากนี้ tramadol ยังออกฤทธิ์ระงับปวดปลายประสาท โดยออกฤทธิ์ยับยั้งตัวเก็บกลับสารสื่อประสาท (transporter) ชนิดซีโรโธนิน(serotonin) และ นอร์อีพิเนฟริน (norepinephrine) ที่บริเวณปลายประสาท ทำให้บริเวณปลายประสาทมีปริมาณสารสื่อประสาททั้งสองชนิดเพิ่มขึ้น จึงสามารถลดอาการปวดได้
ผลข้างเคียง พบได้ตั้งแต่ไม่รุนแรง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มือสั่น ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม ประสาทหลอน จนถึงรุนแรงระดับนำไปสู่การเสียชีวิต เช่น ชักกดศูนย์การหายใจของร่ายกาย หรือซีโรโธนินซินโดรม (serotonin syndrome) ซึ่งจะมีอาการแสดงในหลายๆ ระบบของร่างกายพร้อมกัน เช่น กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกร่วมกับความดันโลหิตสูงและประสาทหลอน ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ โดยไม่รักษาจะนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด
การพยาบาล การพยาบาลและให้แนะนำ
1. ดูแลให้ยาตามคำสั่งจากแพทย์ เพราะยาชนิดนี้ถือเป็นยาอันตราย
2. ไม่ควรซื้อยารับประทานเองและไม่ใช้ยาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้รับประทานยาเกินขนาด เกิดพิษและอาการข้างเคียง
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาทหรือสารเสพติดก่อนใช้ยาชั่วระยะหนึ่ง และห้ามรับประทานยาทรามาดอลพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
4. ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคลมชัก หรือมีประวัติการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือเคยมีอาการชักห้ามใช้ยาโดยเด็ดขาด
5. หากมีอาการแพ้ยาควรหยุดยา
6. ดูแลการการหยุดยา การหยุดยาทันทีอาจจะทำให้เกิดอาการขาดยา ได้แก่ อาการวิตกกังวล เหงื่อออก สั่น นอนไม่หลับ ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง ในรายที่รุนแรงอาจจะมีอาการหูแว่วหรือเห็นภาพหลอน ดังนั้นจะต้องลดขนาดยาไม่หยุดยาทันที
7. แนะนำอาการของยาเกินขนาด อาการแสดงของการได้รับยาเกินขนาดได้แก่ หายใจช้า ง่วงซึมหากรุรแรงจะหมดสติถึงขั้นโคม่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง มือเย็นและเหงื่อออก ม่านตาเล็ก อาจจะมีอาการชัก หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ หัวใจอาจจะหยุดเต้น
1) 1-15/9/63
2) Tramadol (50) 1x2 O pc
ประเภท ยาระงับปวด (Analgesic)
รูปแบบ
ยาเม็ด ขนาด 50 mg
ขนาดและวิธีใช้
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด (50 mg) 2 เวลาหลังอาหาร เช้า-เย็น
ข้อบ่งใช้
ยาบรรเทาอาการปวดออกฤทธิ์ที่ประสาทส่วนกลาง ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
การออกฤทธิ์ เป็นยาในกลุ่มโอพิออยด์ (opioids) ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน ใช้ระงับอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรงเช่นเดียวกับมอร์ฟีน (morphine) โดยออกฤทธิ์กระตุ้นที่มิว รีเซปเตอร์ แต่เนื่องจากยาชนิดนี้ระงับอาการปวดได้น้อยกว่ามอร์ฟีน 5-20 เท่า จึงทำให้ยาชนิดนี้ไม่จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษ นอกจากนี้ tramadol ยังออกฤทธิ์ระงับปวดปลายประสาท โดยออกฤทธิ์ยับยั้งตัวเก็บกลับสารสื่อประสาท (transporter) ชนิดซีโรโธนิน(serotonin) และ นอร์อีพิเนฟริน (norepinephrine) ที่บริเวณปลายประสาท ทำให้บริเวณปลายประสาทมีปริมาณสารสื่อประสาททั้งสองชนิดเพิ่มขึ้น จึงสามารถลดอาการปวดได้
ผลข้างเคียง พบได้ตั้งแต่ไม่รุนแรง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มือสั่น ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม ประสาทหลอน จนถึงรุนแรงระดับนำไปสู่การเสียชีวิต เช่น ชักกดศูนย์การหายใจของร่ายกาย หรือซีโรโธนินซินโดรม (serotonin syndrome) ซึ่งจะมีอาการแสดงในหลายๆ ระบบของร่างกายพร้อมกัน เช่น กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกร่วมกับความดันโลหิตสูงและประสาทหลอน ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ โดยไม่รักษาจะนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด
การพยาบาล การพยาบาลและให้แนะนำ
1. ดูแลให้ยาตามคำสั่งจากแพทย์ เพราะยาชนิดนี้ถือเป็นยาอันตราย
2. ไม่ควรซื้อยารับประทานเองและไม่ใช้ยาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้รับประทานยาเกินขนาด เกิดพิษและอาการข้างเคียง
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาทหรือสารเสพติดก่อนใช้ยาชั่วระยะหนึ่ง และห้ามรับประทานยาทรามาดอลพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
4. ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคลมชัก หรือมีประวัติการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือเคยมีอาการชักห้ามใช้ยาโดยเด็ดขาด
5. หากมีอาการแพ้ยาควรหยุดยา
6. ดูแลการการหยุดยา การหยุดยาทันทีอาจจะทำให้เกิดอาการขาดยา ได้แก่ อาการวิตกกังวล เหงื่อออก สั่น นอนไม่หลับ ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง ในรายที่รุนแรงอาจจะมีอาการหูแว่วหรือเห็นภาพหลอน ดังนั้นจะต้องลดขนาดยาไม่หยุดยาทันที
7. แนะนำอาการของยาเกินขนาด อาการแสดงของการได้รับยาเกินขนาดได้แก่ หายใจช้า ง่วงซึมหากรุรแรงจะหมดสติถึงขั้นโคม่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง มือเย็นและเหงื่อออก ม่านตาเล็ก อาจจะมีอาการชัก หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ หัวใจอาจจะหยุดเต้น
Neurotin
ประเภท ยาระงับการชัก
ข้อบ่งใช้ เป็นยาเสริมกับยาต้านโรคลมชักมาตรฐานในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคลมชักชนิด Partial seizure และGeneralized tonic-clonic seizure ชนิดเพิ่มฤทธิ์ของทั้งเอนไซม์ Glutamate dehydrogenase และ Glutamic acid decarboxylase
การออกฤทธิ์ ออกฤทธิ์ผ่าน receptor ชนิดใหม่มีชื่อว่ Cabapentin receptor ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มฤทธิ์ของเอนไซม์ Glutamate dehydrogenase (GDH), Glutamic acid decarboxylase
(GAD), alanine aminotransferase, Aspartate aminotransferase, Branched-chain
amino acid aminotransferase (BCAT), Gramma-glytamyI transferase และ GABA
transferase (GABA-T) ซึ่งจะมีผลทำให้ GABA ในสมองเพิ่มสูงขึ้น
ผลข้างเคียง ง่วงนอน น้ำหนักตัวเพิ่ม เดินเซ ขาดสมาธิ วิงเวียน ไม่มีแรง และปวดศีรษะ
การพยาบาล
1. แนะนำผู้ป่วยว่าอย่าหยุดยากะทันหัน เนื่องจากการหยุดยาทันทีอาจจะกระตุ้นให้เกิด
อาการชัก
2. สังเกตอาการข้างเคียง หากพบรายงานแพทย์ทราบ
3 แนะนำให้ผู้ปวยระวังอุบัติเหตุ เพราะยาอาจทำให้ง่วง
Omeprazole
ประเภท ยาลดกรดชนิด Proton pump inhibitor
ข้อบ่งใช้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลในลำไส้เล็กส่วนตัน แผลในกระเพาะอาหาร หลอดอาหารอักเสบ รักษาภาวะการหลั่งกรดมากเกิน และ Zollinger-Ellison syndrome
การออกฤทธิ์ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ H, K+ ATPase ซึ่งทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนไฮโดรเจนอิออนออกจากเซลล์ Parital ของกระเพาะอาหาร จึงยับยั้งการสร้างกรดเกลือในกระเพาะอาหารที่
ขั้นตอนสุดท้าย จึงหยุดได้ทั้งกรดที่หลั่งเองตามปกติและกรณีที่เกิดจากการกระตุ้นต่างๆ
ได้อย่างสมบูรณ์
ผลข้างเคียง พบน้อย อาจพบอการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้น ลมพิษ อาการคัน ไอมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจ มึนงง ปวดหลัง ท้องเดิน ท้องผูก ท้องอึด ง่วงนอน นอนไม่หลับ สูญเสียกรทรงตัว เอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น รู้สึกไม่สบายตัว อาจมีอาการไวต่อแสง ผิวหนังร้อนแดง ศีรษะล้าน ปวดตามข้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากแห้ง ตับอักเสบ
การพยาบาล ให้การดูแลและให้คำแนะนำผู้ป่วยดังนี้
1. ให้ยาก่อนอาหาร ในตอนเช้า
2 ยาลดกรดอาจให้สำหรับแก้ปวดท้อง สามารถให้พร้อมกับ Omeprazole
หากลืมรับประทานยให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ไม่ควรรับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เท
4. ให้กลืนยาทั้งแคปซูล ไม่แกะแคปซูลหรือเคี้ยว
5 หกมีอคารผิดปกติ เช่น ปัสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บคอ และมีไข้ อ่อนเพลีย
มาก ให้รายงานแพทย์ทราบ
Ceftriaxone
ประเภท ยากลุ่ม Cephalosporins เป็น third generation
ข้อบ่งใช้ รักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ผิวหนัง Phayngeal gonorrhea การติดเชื้อ
แบคทีเรียในกระแสเลือด กระดูก ซ้อ ช่องท้อง ยื่อหุ้มสมอง หูชั้นกลางในเด็ก
การออกฤทธิ์ ยับยั้งการสร้างผนังเชลล์ของแบคทีเรีย จะฆ่เชื้อแบคที่เรียชนิดแกรมบวก ใช้ได้ผลดีต่อเชื่อ S, aureus ทั้ง Penicillin-sensitive และ Resistant strains แต่มีผลน้อยต่อ Methicilin
และ Oxacillin-resistant strains ให้ผลดีต่อพวก Streptococci รวมทั้ง S. pneumoniae
ไม่มีผลต่อ S. faecalis แบคที่เรียชนิดแกรมลบ ใช้ได้ผลดีต่อเชื้อ E. coli, Klebsiella sp.
H. influenzae, แต่มีผลน้อยต่อ Ps. Aeruginosa และให้ผลดีต่อ Anaerobes ให้ผล
ปานกลางหรือเล็กน้อยต่อเชื้อส่วนใหญ่ รวมทั้ง Bacteroides fragilis
ผลข้างเคียง ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องอึด กดการสร้างไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และ Hc ต่ำ แพ้ยา เช่น ฝิ่นคัน มีไช้ ปวดบริเวณที่ฉีด เป็นดัน
การพยาบาล
1. หากฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ขนาด 025 กรัม หรือ 0.5 กรัม ละลายใน 2 มิลลิลิตร หรือ
ขนาดยา 1 กรัม ใน 35 มิลลิลิตร ของ 1.0% Lidocaine hydrochloride solution ควร
ฉีดลึกๆ และในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ หกต้องฉีดยาขนาด 2 กรัมขึ้นไป ให้แบ่งฉีดที่
กล้ามเนื้อคนละมัด นวดให้ยากระจายเพื่อช่วยให้การดูดซึมดีขึ้น
2. หากฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ละลายยา 025 หรือ 05 กรัม ในน้ำกลั่น 5 มิลลิลิตร
หรือ 1 กรัมใน 10 มิลลิลิตร ของน้ำกลั้นฉีดเข้าหลอดเลือดดำช้าๆ ใน 2-4 นาที หรือให้ทาง
Intravenoussolution ผสมยา 2 กรัมใน 40 มิลลิลิตร ของ 0.9% NaCl injectionหรือ 5% dextrose injecton ให้ Infusion ภายใน 5-15 นาที
Naproxen
ประเภท ยากลุ่ม NSAIDs
ข้อบ่งใช้ บรรเทาอการเจ็บปวด หรือการอักเสบตั้งแต่ระดับน้อยๆ ไปจนถึงปานกลาง มักใช้รักษาอาการปวดศีษะ ปวดกล้ามนื้อ ปวดฟัน หรือปวดหลังผ่ตัด คลอดบุตร ปวดประจำเดือนปวดกระดูก สามารถรักษอาการปวดข้อระยะยาว เช่น Rheumatoid arthritis, Osteoar.thritis ขออักเสบ Ankylosing, Spondylitis และ Gout เป็นต้น
การออกฤทธิ์ ยับยั้งการสังเคราะห้ Prostaglandins ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบ มีไข้ และอาการปวด
ผลข้างเคียง ทำให้เกิดแผลที่เยื่อบุกระพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอึด ร้อนในทรวงอก แน่นบริเวณ กะบังลม คลื่นไส้ อเจียน ปวดท้อง มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ปวดศีรษะ มึนซึม วิงเวียน เลือดออกง่าย มีอาการทางไต อาจมีเสียงผิดปกติในหู
การพยาบาล
1. ให้ผู้ป่วยรับประทานยาร่วมกับอาหารและนม เพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เยื่อบุ กระเพาะอาหาร
2 ผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อได้รับยา Naproxen เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการเกิดหลอดลมกร็งตัว ได้แก่ ผู้บ้วยที่มีความไวต่อแอสไพริน แพ้อากาศ มีก้อนยื่นในจมูก และเป็นหืด
3. ยาจะบดบังอาการติดเชื้ออย่างเฉียบพลัน จึงต้องติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของ CBC จำนวนเกล็ดเลือด PT หน้าที่ของตับและไต เป็นระยะๆและไม่ควรให้ร่วมกับยาลดกรดเพราะทำให้การดูดซึมของยาลดลง
Mydocalm
ประเภท ยาคลายกล้ามเนื้อ
ข้อบ่งใช้ รักษาผู้ป้วยที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
การออกฤทธิ์ ต้าน Cholinergic
ผลข้างเคียง ง่วงซึม เวียนศีรษะ ไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน เบื่ออาหาร ผื่น ผิวหนังแดง อ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า เป็นลม ชัก
การพยาบาล
1. ให้ผู้ป่วยนอนพักอย่งน้อย 15 นาที หลังฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ คอยตรวจสอบอัตรา
หยดของยาและวัดสัญญาณชีพบ่อยๆ
2. แนะนำให้ผู้ป้วยเปลี่ยนทำช้าๆ หลังให้ยาระวังยารั่วออกนอกเส้นเลือดดำ เพราะจะทำให้หลอดเลือดดำอักเสบและเชลล์ตาย
Calcium carbonate
ประเภท แคลเซียมป็นอิเล็กโตรไลท์หรือธาตุที่มีอยู่มากเป็นอันดับ 5 ในร่งกาย โดยมากคว่ร้อยละ
90 สะสมอยู่ในกระดูก
แหล่งที่มา น้ำนม ถั่ว ผักใบเขียว ไข่ และปลาที่มีกระดูกอ่อนรับประทานได้
คุณประโยชน์
1. เป็นโครงสร้างของกระดูกและฟัน
2. มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและกลัมเนื้อ โดยกระตุ้นการหลั่งของสาร
สื่อประสาท แคลเชียมมีความจำเป็นต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อทั่วไปและกล้ามเนื้อหัวใจ
3. ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
4. มีความจำเป็นในการเจริญเติบโต และสร้างเม็ดเลือด
ข้อบ่งใช้
1. สำหรับผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอ
2. มีการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Tetany)
3.ป้องกันกระดูกพรุน (Osteoporosis)ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
การพยาบาล
1. บันทึกสัญญาณชีพ เมื่อพบสิ่งผิดปกติ รายงานแพทย์ทราบ หากผู้ป่วยได้รับยา Digoxin
ต้องจับชีพจร หรือมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าแสดงถึงอาการแสดงของพิษจาก Digitalis
2 ให้ความระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยโรคไต มีนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
3. ไม่ให้รับประทานพร้อมยา Tetracycline หรือ ฟลูออไรด์ เพราะจะทำให้การดูดซึมลดลง
4. ตรวจระดับแคลเชียมในเลือดและปัสสาวะก่อนให้แคลเชียมโดยวิธีฉีด และไม่ควรฉีด
เกิน 1 มิลลิลิตร/นาที
5. ติดตามผล EKG ถ้ามีภาวะ Hypocalcemia จะพบ ST segment ยกสูงขึ้น และ QT
interval ยาว หรือถ้ามีภาวะ Hypercalcemia จะพบ ST segment ต่ำลง และ QT interval สั้น
6. ให้คำแนะนำผู้ป่วย ดังนี้
6.1 หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย หรือภาวะท้องผูก เพราะจะลดการดูดซึมแคลเชียมใน
ทางเดินอาหาร
6.2 รับประทานแคลเซียมพร้อมอาหารหรือหลังอาหารเพื่อเพิ่มการดูดซึม
6.3 รับประทานอหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ผลิตภัณฑ์จกนม อาหารที่มีโปรตีน สูง เป็นตัน